เบสท์ คำสิงห์ น้ำตาคลอ เปิดใจครั้งแรกปมพ่อคุกคามเด็ก 17 ลั่นผิดว่าไปตามผิด รอพิสูจน์ ขอโทษแทนเข้าใจแยกทางแม่
ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรก หลังเจอมรสุมข่าวดราม่าคุณพ่อ สมรักษ์ คำสิงห์เจ้าของร้านขาย ถุงเก็บผ้าสูญญากาศ ถุงสูญญากาศใส่เสื้อผ้า ถูกกล่าวหาคุกคามเด็กวัย 17 สำหรับ เบสท์-รักษ์วนีย์ คำสิงห์ ลูกสาว โดยบางช่วงบางตอนเจ้าตัวน้ำตาคลอ ยอมรับลำบากใจที่ต้องออกมาพูด แต่หากพ่อผิดจริง ก็ว่าไปตามผิด เข้าใจแยกทางแม่ แต่ยังอยู่บ้านเดียวกัน เผยเป็นเรื่องหนักที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น แต่ต้องเดินหน้าต่อ และให้กำลังใจกัน ขอบคุณทุกๆ คนที่ให้กำลังใจและเคียงข้าง รอให้ทุกอย่างพิสูจน์ความจริง
ก็ขอบคุณที่ทุกคนให้กำลังใจหนูค่ะ ต้องรอดูว่า คดี ทนาย จะจัดการอย่างไร ต้องรอตามขั้นตอนทางกฎหมายค่ะ หนูรู้เท่าที่พ่อเล่าคือรู้เท่ากับที่เป็นข่าวเลยค่ะ ทราบเหมือนกับทุกๆ คน หนูก็ได้ถามทางทนายซึ่งเขาก็บอกว่าเดี๋ยวจะดำเนินการตามกฎหมาย ก็ต้องให้ทนายและคุณพ่อคุยกันและจัดการเอง
หลังจากเกิดเรื่องยังไม่ได้คุยกับคุณพ่อเลยค่ะ หนูรู้ว่าเขาอยู่ขอนแก่นแต่หนูไม่รู้ว่าเขารู้สึกอะไรยังไง แต่ว่ามันก็ไม่ได้มีใครรู้สึกดีอยู่แล้วทุกฝ่าย ทุกคนก็เสียความรู้สึกอยู่แล้ว รวมถึงตัวผู้เสียหายด้วย หนูอยากให้ทุกคนคอมเมนต์กันเบาเบา ให้กำลังใจทุกฝ่ายดีกว่า
ตอนแรกเราก็ตกใจเหมือนกันเพราะเราไม่รู้ว่ามันจะเกิดข่าวนี้ขึ้น แต่พอเรามาคุยกันในครอบครัว มีเบสมีคุณแม่และน้องชายเราก็ให้กำลังใจกันสามคน มันก็ต้องเดินหน้าต่อไปค่ะ
สำหรับเรื่องของครอบครัวที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อันนี้หนูรู้อยู่แล้วเพราะว่าตอนที่พ่อกับแม่หย่ากัน พ่อกับแม่ก็จะมาบอกเรา ซึ่งเราก็โอเค เราแล้วแต่เขาอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องของสามีภรรยา ถ้าเขาสบายใจ เราก็โอเค ตรงนี้เราทราบอยู่แล้ว แต่ที่เบสไม่ได้ออกมาพูดเพราะเรารู้สึกว่า คุณพ่อหย่ากับแม่เขาก็ยังอยู่บ้านเบส คืออยู่คนละห้อง แต่เขาก็ยังพักอยู่ที่บ้าน ใช้ชีวิตปกติ เลยรู้สึกว่าถ้าออกมาพูดก็คงไม่ใช่
ตัวเบสท์และน้องชายก็โตแล้วก็เข้าใจในเรื่องของความรัก ถ้ามันไม่โอเคหรือไม่สบายใจก็แล้วแต่ว่าเขาจะจัดการกัน หนูว่าอาจจะหลายเรื่องรวมกัน เขาอยู่กันมานาน การหย่าขาดกันมันก็ต้องมีหลายเรื่องค่ะแต่ตรงนี้เบสไม่ได้ถามว่าเพราะอะไร แต่แค่รู้สึกว่าถ้าแม่สบายใจ ก็เอาตามที่แม่สบายใจเลยค่ะ
ห่วงความรู้สึกแม่ดีกว่า เราก็ให้กำลังใจกันสามคนค่ะ ก็หนักทุกคน ก็ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับคอมเมนต์ในด้านลบ มันก็ปกติอยู่แล้ว คือเราโดนดราม่ามาเยอะ แล้วหนูก็โฟกัสคนที่ให้กำลังใจดีกว่าขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ ส่วนใครที่มาว่าหรืออะไรหนูก็ขอโทษแทนคุณพ่อด้วยค่ะ
ก็ขอบคุณแฟนคลับหนูและทุกๆคนที่ให้กำลังใจหนู ที่หนูรับรู้มันฮีลใจได้จริงๆขอบคุณค่ะ หลังจากนี้คุณพ่อน่าจะต้องได้กลับกรุงเทพอยู่แล้วเพราะเขามีเรื่องอื่นๆด้วยที่จะต้องเคลียร์
คุณพ่อบอกว่าเสร็จจากเรื่องนี้แล้วจะย้ายไปอยู่ฝรั่งเศส ส่วนตัวหนูได้บอกกับพ่อไปว่าถ้าพ่อผิดก็ต้องยอมรับผิด แต่ถ้าพ่อไม่ผิด แล้วถ้าพ่ออยากจะไปพักผ่อนที่ฝรั่งเศส หนูก็ออกค่าเครื่องบิน ค่าที่อยู่ให้ปกติ แต่ถ้าผลออกมาแล้วผิด ก็ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เราทำ ผิดก็คือผิดค่ะ
เราก็รักพ่อแม่เราปกติ เขาเป็นพ่อแม่เราค่ะ มันเกิดขึ้นแล้ว เบสเป็นคนที่ถ้าผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก เพราะฉะนั้นเบสให้กำลังใจพ่อนะคะ แต่ถ้าพ่อทำผิดจริงๆก็ต้องรับผิด ซึ่งตอนนี้เราไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไงเพราะเหตุการณ์ตรงนี้ เราไม่มีทางรู้ได้ ก็ต้องให้กระบวนการทางกฎหมายพิสูจน์ หนูก็รักพ่อแม่หนู ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง หนูก็จะซัพพอร์ตพ่อแม่หนูเท่าที่ทำได้อยู่แล้ว
เขาไม่สามารถย้ายไปอยู่ฝรั่งเศสได้อยู่แล้วด้วยเรื่องของวีซ่า เขาต้องอยู่ตามที่วีซ่ากำหนด ก็ต้องรอดูต่อไป หนูยังไม่อยากให้พ่อไป อยากให้พ่อเผชิญหน้าก่อนกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเกิดปัญหาขึ้นแล้วเราก็ต้องเผชิญกับปัญหา
ในส่วนของคุณแม่เราไม่ได้พูดอะไรกันมาก มองตาก็รู้อยู่แล้วค่ะ ถามว่ามันหนักเกินไปไหม มันก็หนักหนัก แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราเลือกไม่ได้ เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว เราเดินหน้าดีกว่า การที่เป็นหัวหน้าครอบครัวรับผิดชอบครอบครัว มันเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว แต่ว่าปัญหาที่เข้ามามันอาจจะรู้สึกว่าเราไม่ได้ทำแต่คนก็มาด่าเรา แต่ว่ามันเกิดขึ้นแล้ว หนูก็ต้องเผชิญหน้ากับมันค่ะ
หนูโดนมาตลอดอยู่แล้วมันคงห้ามไม่ได้ พันคนก็พันความคิด ก็แล้วแต่ทุกคนจะคอมเมนต์ เพราะมันห้ามไม่ได้ สำหรับใครที่ให้กำลังใจก็ขอบคุณมากๆเลยค่ะ หนูรับรู้ค่ะ
หนูไม่เชื่อใครเลย มันพิสูจน์ไม่ได้ เราไม่รู้ เราไม่ได้อยู่ในห้องนั้น เราไม่ได้อยู่ในคืนนั้น จะมีใครพูดความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม เราไม่มีทางรู้ค่ะ แต่หนูก็ได้ถามทนายว่าจะพิสูจน์ได้อย่างไร มันก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอน มันก็มีวิธีที่พิสูจน์อยู่แล้วตามกฎหมาย แต่สุดท้ายถามว่าหนูเชื่อใครไหม หนูก็ตอบตรงตรงว่าไม่ได้เชื่อใครเลย รอดูดีกว่าค่ะ
คุณพ่อน่าจะคุยกับน้องชายเป็นส่วนใหญ่ เพราะเขาสนิทกัน ส่วนใหญ่เบสจะคุยกับคุณแม่ ถามว่าเป็นห่วงอะไรคุณพ่อบ้าง ก็อย่างที่บอกตามรายการทุกครั้งที่เคยออก ก็อยากให้เขาดูแลตัวเองดีๆ รอบคอบแต่ทั้งหมดทั้งมวลที่เบสพูดไม่ได้ว่าพ่อนะคะ เบสก็รักพ่อเหมือนเดิม แต่ว่าถ้าอะไรที่มันผิดมันก็ต้องพูดไปตามความผิด อะไรที่ควรจะตักเตือน ก็ต้องเตือน แต่ว่าเบสก็รักพ่อและแม่เหมือนเดิม เบสก็ลำบากใจเหมือนกันที่ต้องออกมาพูด เดี๋ยวคนจะเข้าใจว่าเราไม่รักพ่อ เบสรักครอบครัวเหมือนเดิม แต่ว่าในเรื่องนี้ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด
ทุกปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหนี้หรืออะไรก็ตามที่ผ่านมาก็คุยกัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เซนซิทีฟ เบสก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย ถามว่า ณ ตอนนี้เรารู้สึกอย่างไรบ้าง หนูว่าเดี๋ยวนี้ชาวเน็ตแยกแยะได้ ถ้าเราทำผิดจริงๆชาวเน็ตก็ไม่ยอมอยู่แล้วแหละ แต่ถ้าเราทำถูกจากที่เขาด่าเดี๋ยวเขาก็กลับมาเข้าใจว่าความจริงเป็นแบบนี้ หนูให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ทุกอย่างต้องใช้เวลาพิสูจน์เอง ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง ตรงนี้คุณพ่อของหนูมีความผิดอยู่แล้ว หนูขอโทษแทนคุณพ่อด้วยค่ะ
หนูคุยกับแม่ดีกว่าค่ะ ผู้ชายก็คุยกับผู้ชายผู้ชายไป เราเป็นผู้หญิงก็คุยกับแม่ดีกว่า หัวอกผู้หญิงเหมือนกัน หนูเข้าใจค่ะ หนูไม่ใช่ไม่อยากคุยกับพ่อ แต่ว่าคุยไปแล้วสิ่งที่หนูได้รับมันก็เหมือนกับในข่าว เราดูในข่าวก็ได้ แต่ในเรื่องของกำลังใจ เบสให้กำลังใจแม่ดีกว่า เบสก็เลยไม่ได้ไปให้กำลังใจพ่อหรืออะไรเบสก็บอกพ่อว่าถ้าในเมื่อพ่อทำผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่ว่าพ่อจะผิดมากหรือผิดน้อยผิด เราก็ต้องยอมรับแต่ในส่วนของแม่เบสให้กำลังใจแม่มากกว่าอยู่แล้ว
ก็โอเคมันไม่มีใครรู้สึกดีหรอก แม่ก็คงไม่ได้รู้สึกดี แต่ว่าเราก็ให้กำลังใจกันค่ะ มันไม่มีใครโอเคหรอกแต่ว่าก็ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจค่ะ