ความคืบหน้ากรณี นายนิมิตร หนึ่งคำมี อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 38 หมู่ 4 บ้านนาขาม ต.วังยาง อ.วังยาง จ.นครพนม ผู้ต้องหาก่อเหตุฆาตกรรม ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยใช้ท่อนไม้ทุบศีรษะ น.ส.นฤมล วงค์ธิ อายุ 40 ปี นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตริมสระน้ำห่างจากบ้านพักประมาณ 50 เมตร เหตุเกิดบริเวณหลังบ้านเลขที่ 87 หมู่ 4 บ้านนาขาม ต.วังยาง อ.วังยาง จ.นครพนม หลังถูกผู้ต้องหาโทรทางเมสเซนเจอร์ (Messenger) ลวงออกไปหวังทำอนาจาร แต่ผู้เสียชีวิตขัดขืนและขู่จะเอาผิด อีกทั้งผู้ต้องหาก็มีภรรยาอยู่แล้ว จึงก่อเหตุทำร้ายร่างกายและทุบศีรษะจนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ผู้ตาย ไปโยนทิ้งในสระน้ำเพื่อทำลายหลักฐาน เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ผ่านมาต่อมา พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม มอบหมายให้ พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.กฤติน กอร์ปกุลหิรัญ ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครพนม พ.ต.ท.อักขราทรณ์ ดอนสถิตย์ รอง ผกก.สภ.นาทม รรท.ผกก.สภ.วังยาง พร้อมทีมตำรวจชุดสืบสวนนครพนม และชุดสืบสวน งานป้องกันปราบปราม สภ.วังยาง ลงพื้นที่สืบสวนหาข้อมูลจนติดตามจับกุมตัว โดยแกะรอยหาหลักฐานเชื่อมโยงเป็นเบาะแสในการจับกุมผู้ต้องหารายนี้โดยเบื้องต้นหลังพบศพไม่พบโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิต พ.ต.อ.กฤติน กอร์ปกุลหิรัญ ผกก.สืบสวน ภ.จว.นครพนม จึงสันนิษฐานว่าผู้ตายอาจใช้ Gmail ในการตั้งเฟซบุ๊กหรือไลน์ร่วมกับลูกสาว จึงขอรหัส Gmail จากน้องมิ้นลูกสาววัย 12 ปีของผู้ตายมาเข้ารหัส ปรากฏว่าสิ่งที่คาดไว้เป็นจริง เช็คในเฟซบุ๊กของผู้ตายไม่มีสิ่งผิดปกติ แต่เมื่อเข้าไปในเมสเซนเจอร์ (Messenger) พบว่ามีการพูดคุยกับสามีคือ นายชัยทอง อ่อนศรี อายุ 46 ปี ทำงานเป็น รปภ.อยู่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ถือเป็นเรื่องปกติที่สามีภรรยาจะโทรคุยกัน แต่หลังจากที่ น.ส.นฤมลวางสายจากสามี เวลาประมาณ 20.11 น. มีสายของนายนิมิตรผู้ต้องหาโทรเข้ามาถึง 3 ครั้ง ตำรวจสืบสวนจึงไปเชิญตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้ ขณะนอนอยู่ในบ้านไปเค้นสอบ เช็คข้อมูลการติดต่อทางโทรศัพท์มือถือ นายนิมิตรยอมรับว่าเป็นคนโทรหาผู้ตายจริง ก่อนจนมุมด้วยหลักฐานสารภาพว่าก่อเหตุจริง และพาเจ้าหน้าที่ไปงมหาหลักฐานโทรศัพท์ของผู้ตาย ที่โยนทิ้งน้ำมาตรวจสอบข้อมูล และเป็นหลักฐานสำคัญมัดตัวผู้ต้องหา ในการประกอบการดำเนินคดีเอาผิด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังยาง ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเตรียมสรุปพยานหลักฐาน ส่งตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครพนมต่อไปทั้งนี้ผู้ต้องหาสารภาพว่า ทำไปเพราะแอบชอบผู้ตายมานาน เนื่องจากเป็นคนหน้าตาดีในหมู่บ้าน จึงใช้วิธีการล่อลวงอ้างว่าจะให้เงิน 2,000 บาท ก่อนลวงไปทำอนาจาร แต่ผู้ตายขัดขืนและขู่ว่าจะเอาเรื่องไปฟ้องภรรยาผู้ต้องหา พร้อมแจ้งความเอาผิด จึงเป็นเหตุจูงใจให้ผู้ต้องหาตัดสินใจทำร้ายร่างกาย และใช้ท่อนไม้ทุบจนเสียชีวิต ด้วยอารมณ์ชั่ววูบพร้อมสำนึกผิด และขอรับความผิดกับการกระทำที่เกิดขึ้นด้าน นายชัยทอง อ่อนศรี อายุ 46 ปี สามีของผู้ตาย อาชีพเป็นหนุ่ม รปภ. บริษัทนำเข้าและจำหน่ายเครื่องติดป้ายราคา ที่ติดราคาแห่งหนึ่ง ที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า ตนอยู่กินกับภรรยามานานกว่า 20 ปี มีลูกสาว 1 คนคือน้องมิ้นอายุ 12 ขวบ โดยตนไปทำงานที่ จ.สมุทรปราการ ให้ภรรยากับลูกสาวอยู่บ้านกัน 2 คน ทำหน้าที่เลี้ยงลูก ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น เพราะปกติต้องโทรคุยกันทุกวัน วันหนึ่งไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ก่อนเกิดเหตุเย็นวันที่ 9 มกราคม 2566 ประมาณ 19.00 น. ตนยังโทรมาคุยสอบถามความเป็นอยู่ครอบครัว โดยที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาครอบครัว และไม่มีปัญหาเรื่องชู้สาวนอกใจกันมาก่อน ส่วนกรณีผู้ต้องหากล่าวอ้างว่า ล่อลวงภรรยาของตนออกไป เพราะต้องการเงิน 2,000 บาท ตนไม่เชื่อเพราะครอบครัวไม่มีปัญหาเรื่องเงิน หลังเกิดเหตุค้นของในบ้านพบว่าภรรยายังมีเงินสดนับหมื่นบาทที่เก็บไว้ใช้จ่าย เพราะตนส่งมาให้เดือนละเกือบ 10,000 บาททุกเดือน เพื่อไว้ใช้จ่ายและเป็นเงินเก็บดูแลลูกทั้งนี้คำให้การดังกล่าวของผู้ต้องหาตนเชื่อว่าเป็นแค่การกล่าวอ้าง มั่นใจว่าจะต้องใช้วิธีการอื่นล่อลวงภรรยาออกไปทำร้าย และตนยังสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับครอบครัว ไม่เชื่อถึงปมสาเหตุ เพราะปกติผู้ต้องหากับภรรยาเป็นเพื่อนบ้านกัน เคารพนับถือกันเสมือนญาติคนหนึ่ง รู้จักมักคุ้นถึงขั้นภรรยาเรียกว่าลุงมิตรทุกคำ อีกทั้งภรรยาเคยว่าจ้างมาทำงานตัดหญ้าที่บ้าน ให้มีรายได้เสริมด้วย ไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องชู้สาว แต่พอตำรวจมายืนยันถึงหลักฐานที่เชื่อมโยงถึงผู้ต้องหา ตัวเองถึงกับอึ้ง โดยเชื่อมั่นว่าภรรยาไม่มีใจกับผู้ก่อเหตุแน่นอน มาถึงวันนี้ตนไม่ขออโหสิกรรม เพียงจุดธูปบอกวิญญาณภรรยา ไม่ต้องเป็นห่วง จะขอดูแลลูกเป็นอย่างดี อย่างน้อยตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว ขอให้ไปชดใช้กรรมที่ก่อไว้ส่วน น้องมิ้น อายุ 12 ปี ลูกสาวผู้ตาย เปิดเผยว่า ปกติตนอยู่กับแม่สองคนในบ้าน วันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม เห็นพ่อโทรมาคุยกับแม่ และจากนั้นไม่ทราบว่าคุยกับใครบ้าง เพราะตนเข้าห้องนอน จนกระทั่งประมาณเกือบ 3 ทุ่ม แปลกใจแม่ยังไม่เข้าห้องนอน จึงเดินออกมาดูภายในบ้านไม่พบ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้าย เพราะมีงานบุญในหมู่บ้าน นึกว่าแม่จะเข้าไปเที่ยวงาน โทรศัพท์หาหลายสายแต่แม่ไม่รับสายจึงเข้านอน เพราะไม่คิดว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับแม่ เนื่องจากในพื้นที่หมู่บ้าน มีแต่เพื่อนบ้านเสมือนญาติกันกันทุกคน แต่สุดท้ายไม่คิดว่าลุงที่แม่เคยเคารพเหมือนญาติ และเคยว่าจ้างมาตัดหญ้าให้ที่บ้าน ต้องมาเป็นคนทำร้ายฆ่าแม่ รู้สึกเสียใจมาก แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ และบอกกล่าวให้ดวงวิญญาณแม่ไปสู่สุคติ ไม่ต้องห่วงลูกยังมีพ่อดูแล ยอมรับสงสารแม่มาก ต้องมาถูกทำร้ายแบบนี้ เพราะได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากหลังบ้าน เหมือนเสียงคนทุบตีอะไรบางอย่างแล้วเงียบไป โดยไม่มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายกับแม่ส่วนการฌาปนกิจศพของ น.ส.นฤมลจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 14 มกราคมที่จะถึงนี้ ด้านนายนิมิตรผู้ต้องหาพนักงานสอบสวน สภ.วังยาง สรุปสำนวนเตรียมนำตัวฝากขังผัดแรกที่ศาลจังหวัดนครพนม แนะแนวเรื่อง พ่อช่วยลูกชายโดนทำร้าย ขับเก๋งพุ่งชนแก๊งโจ๋หนีกระเจิง สลด รถเสียหลักชนต้นไม้ดับ เก๋งซิ่งเสียหลักชนสาวท้องขี่จักรยานดับคาที่ 1 ศพ ย่านลำลูกกา