แรงงานไทยในยูเครน ล็อตวันที่ 3 เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว ขณะที่สาวสปาและพนักงานโรงงาน ถุงซิปล็อค ถุงซิปล็อคใส่เสื้อผ้า เผยนาทีอพยพหนีตายออกจากกรุงเคียฟ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 มี.ค.) เมื่อเวลา 07.30 น. ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายฉัตรชัย วิริยะเวชกุล อธิบดีกรมการกรงศุลกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันเดินทางมารอต้อนรับแรงงานไทยในยูเครน จำนวน 16 คน ที่อพยพหนีภัยสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย เดินทางกลับมายังประเทศไทยด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 971 จากสนามบิน ZURICH มายังสนามบินสุวรรณภูมิ ในเวลา 06.50 น.

โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น ซึ่งแรงงานไทยชุดนี้ถือเป็นแรงงานไทยชุดที่ 4 ที่ได้รับการช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอร์ซอ ที่ให้การช่วยเหลืออพยพคนไทยในยูเครนและส่งกลับไทยโดยสวัสดิ์ภาพ

นางพรพัฒน์ เล็กสูงเนิน ชาวไทยจากจังหวัดนครราชสีมา ได้เล่านาทีหนีตายจากเมืองเคียฟ ประเทศยูเครน ว่า เห็นการณ์เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองและเพื่อนร่วมงานได้ติดต่อสถานฑูตเพื่อรอการอพยพไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เร็วกว่าที่คิด

ซึ่งในวันนั้นตนเองยังมีแผนที่จะต้องไปทำงาน แต่พอตื่นเช้ามาพบว่าเริ่มเห็นความวุ่นวายของชาวยูเครนในพื้นที่ รวมถึงเริ่มมีเสียงระเบิดเกิดขึ้น ซึ่งขณะนั้นยอมรับว่ากลัวมาก จนกระทั่งนายจ้างติดต่อแจ้งว่าจำเป็นต้องอพยพออกจากเคียฟและกลับไทย ซึ่งให้หลบภัยในที่พักก่อน รอรถมารับจนกระทั่งมีรถบัสเล็กมารับจากที่พัก ซึ่งจะต้องเดินทางมายังสนามบินใช้เวลา 15 ชั่วโมง

และตลอดการเดินทางเห็นการปะทะกันอย่างรุนแรง แม้กระทั่งถูกรถถังตัดหน้ารถบัสที่ตนเองนั่งโดยสารมา ไม่เว้นแม้แต่กระสุนปืนใหญ่ที่ข้ามหัวขณะนั่งรถผ่านเมืองเคียฟ ตนเองพอก้าวขึ้นเครื่องบินกลับได้ก็รู้สึกถึงความปลอดภัยและได้กลับบ้านเกิดแล้ว

ด้าน นายฉัตรชัย วิริยะเวชกุล อธิบดีกรมการกรงศุล ระบุว่า วันนี้มีคนไทยเดินทางกลับจากยูเครน จำนวน 61 คน ถ้านับจากที่เราช่วยเหลือมาเมื่อวันที่ 2 รวม 96 คน และวันที่ 3 อีก 40 คน รวมที่กระทรวงการต่างประเทศรวมคนไทยที่เดินทางออกมาเองอีกประมาณ 3-4 คน รวมเป็น 203 คน ซึ่งก็เกือบจะครบทุกคนแล้ว ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางออกมา เราก็ได้ให้การช่วยเหลือให้กลับมาถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ

อันนี้ก็เป็นความร่วมมือที่ดีระหว่างกระทรวงต่างประเทศและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ช่วยดูแลเรื่องสถานที่ทางกระทรวงคมนาคมได้ช่วยจัดรถไปส่งที่สถาบันบำราศนราดูร และได้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ดูเรื่องการสวอป เรื่องสถานที่กักกันตัว เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการกระทรวงสาธารณสุขของไทย

ก็ถือว่าภารกิจที่ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยเหลือคนไทยให้ดีที่สุด ซึ่งก็ได้ดำเนินการมาเกือบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ซึ่งก็จะมีเดินทางกลับมาอีกหนึ่งล็อตน่าจะเป็นวันจันทร์อีกประมาณ 20 กว่าคน ก็เรียกว่าเป็นล็อตท้ายๆ

สำหรับคนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับรอให้สถานทูตทั้งสองแห่งที่ช่วย คือสถานทูตไทยที่กรุงวอร์ซอกับสถานทูตไทยที่กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย สองจุดที่รอรับคนไทยที่จะกลับประเทศไทย

จริงๆ สถานทูตก็ได้มีการประสานทางคนไทยในยูเครนตั้งแต่เริ่มก่อนที่จะเกิดความวุ่นวาย ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นจะต้องทำอยางไรบ้าง ซึ่งนายจ้างก็ให้ความร่วมมือที่ดีกับทางสถานทูต ในเรื่องการจัดรถ จัดสถานที่พักชั่วคราวก่อนที่จะเดินทางออกมา

ซึ่งการเดินทางมาจากแต่ละเมือง มาถึงเมืองที่เราตั้งเป็นศูนย์ปฏิบัติการณ์ช่วยเหลือคนไทยที่อยู่ห่างไกล ก็ต้องดูแลกันตลอดเส้นทาง เมื่อมาถึงแล้วเราก็ทยอยพาข้ามแดนออกมาเพื่อมาขึ้นเครื่องบินกลับ และตอนนี้คนไทยที่ไม่ประสงค์เดินทางกลับมีประมาณ 20 กว่าคน เพราะเขามีครอบครัวอยู่ที่ยูเครน

และจากตัวเลขที่สถานทูตได้เช็ก เข้าใจว่ามีอีกเพียง 1 คนเท่านั้น ที่อยู่ระหว่างการเดินทาง ที่เหลือได้ทยอยเข้ารอที่ศูนย์พักคอยศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยที่เมืองลวีฟ ซึ่งอีก 1 คนที่เหลือน่าจะอยู่ที่กลางเมืองเคียฟ แต่ทางสถานทูตอยู่ระหว่างติดต่ออยู่ว่าถ้ามีความปลอดภัยในการเดินทาง ก็คงหาทางเคลื่อนย้ายออกมา